4 วิธีจำโครงสร้าง tense ทั้ง 12 และหลักการใช้ง่ายๆใน 3 นาที
หลักการใช้ของแต่ละ Tense
เรามาดูหลักการใช้ของ Tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง กันก่อนดีกว่า
Past Tense Past Simple ใช้กับการกระทำที่ผ่านไปแล้ว
เช่น I ate soup yesterday. เมื่อวานฉันกินซุป
Past Continuous กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต ทั้งแบบที่มีเวลาระบุไว้ชัดเจน หรือมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก
เช่น I was eating soup when you arrived. ตอนนั้นฉันกำลังกินซุป ตอนคุณมาถึง
Past Perfect เมื่อมีเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้น 2 เรื่องแบบไม่พร้อมกันและเป็นเรื่องที่จบไปแล้ว
เช่น I had already eaten soup when you arrived. ตอนนั้นฉันกินซุปเสร็จแล้ว ตอนคุณมาถึง
Past Perfect Continuous ใช้เมื่อมีเหตุการณ์ในอดีตกำลังดำเนินอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
เช่น I had been eating soup for hours when you arrived. ตอนนั้นฉันกำลังกินซุปอยู่เป็นชั่วโมง ตอนคุณมาถึง
Present Tense Present Simple ใช้พูดถึงปัจจุบัน ทั้งสภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบัน และการกระทำที่เราปฏิบัติเป็นประจำ หรือเป็นกิจวัตร หรือสิ่งที่เป็นความจริงตลอดกาล เช่น พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก
เช่น Chiang Mai is in Thailand. เมืองเชียงใหม่อยู่ในประเทศไทย
Present Continuous ใช้เมื่อสิ่งที่ทำกำลังดำเนินอยู่ หรือใช้บอกเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น I am eating meat ball right now. ตอนนี้ผมกำลังกินมีทบอล
Present Perfect ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วดำเนินมาจนถึงในปัจจุบัน
เช่น I have already eaten meat ball. ผมกินมีทบอลเสร็จแล้ว
Present Perfect Continuous ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วดำเนินมาจนถึงในปัจจุบัน แต่ยังไม่จบและยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องไปถึงอนาคต
เช่น I have been eating meat ball for hours. ผมกินมีทบอลมาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย
Future Tense Future Simple ใช้กับการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น I will eat bread tomorrow. พรุ่งนี้ผมจะกินขนมปัง
Future Continuous ใช้กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ตามเวลาที่ระบุไว้
เช่น I will be eating bread at 8 PM. ผมจะกินขนมปังตอน 8 PM.
Future Perfect ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งที่จะเกิดในอนาคต
เช่น I will have already eaten bread by the time you arrive. ผมจะกินขนมปังให้เสร็จตอนที่คุณมาถึง
เรามาดูหลักการใช้ของ Tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง กันก่อนดีกว่า
Past Tense Past Simple ใช้กับการกระทำที่ผ่านไปแล้ว
เช่น I ate soup yesterday. เมื่อวานฉันกินซุป
Past Continuous กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต ทั้งแบบที่มีเวลาระบุไว้ชัดเจน หรือมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก
เช่น I was eating soup when you arrived. ตอนนั้นฉันกำลังกินซุป ตอนคุณมาถึง
Past Perfect เมื่อมีเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้น 2 เรื่องแบบไม่พร้อมกันและเป็นเรื่องที่จบไปแล้ว
เช่น I had already eaten soup when you arrived. ตอนนั้นฉันกินซุปเสร็จแล้ว ตอนคุณมาถึง
Past Perfect Continuous ใช้เมื่อมีเหตุการณ์ในอดีตกำลังดำเนินอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
เช่น I had been eating soup for hours when you arrived. ตอนนั้นฉันกำลังกินซุปอยู่เป็นชั่วโมง ตอนคุณมาถึง
Present Tense Present Simple ใช้พูดถึงปัจจุบัน ทั้งสภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบัน และการกระทำที่เราปฏิบัติเป็นประจำ หรือเป็นกิจวัตร หรือสิ่งที่เป็นความจริงตลอดกาล เช่น พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก
เช่น Chiang Mai is in Thailand. เมืองเชียงใหม่อยู่ในประเทศไทย
Present Continuous ใช้เมื่อสิ่งที่ทำกำลังดำเนินอยู่ หรือใช้บอกเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น I am eating meat ball right now. ตอนนี้ผมกำลังกินมีทบอล
Present Perfect ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วดำเนินมาจนถึงในปัจจุบัน
เช่น I have already eaten meat ball. ผมกินมีทบอลเสร็จแล้ว
Present Perfect Continuous ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วดำเนินมาจนถึงในปัจจุบัน แต่ยังไม่จบและยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องไปถึงอนาคต
เช่น I have been eating meat ball for hours. ผมกินมีทบอลมาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย
Future Tense Future Simple ใช้กับการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น I will eat bread tomorrow. พรุ่งนี้ผมจะกินขนมปัง
Future Continuous ใช้กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ตามเวลาที่ระบุไว้
เช่น I will be eating bread at 8 PM. ผมจะกินขนมปังตอน 8 PM.
Future Perfect ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งที่จะเกิดในอนาคต
เช่น I will have already eaten bread by the time you arrive. ผมจะกินขนมปังให้เสร็จตอนที่คุณมาถึง
Future Perfect Continuous
ใช้กับ 2 เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ 2 เหตุการณ์แรกอาจจะยังไม่จบ
เช่น I will have been eating bread for hours when you arrive. ฉันจะกินขนมปังเป็นชั่วโมง ตอนคุณมาถึง
วิธีจำโครงสร้าง tense
ซึ่งในแต่ละ Tense ก็จะใช้แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา และ สถานการณ์ ซึ่งอย่างที่เพื่อน ๆ เห็นว่าแต่ละ Tense ก็มีโครงสร้างที่แตกต่างกันถ้าหากจะต้องจำทั้งหมด 12 Tense คงปวดหัวตาย เราจึงจำเป็นต้องมีสูตรในการจำ ซึ่งสำหรับขั้นแรกเพื่อน ๆ ต้องจำตารางในการเขียนโครงสร้าง Tense ให้ได้ซะก่อน ซึ่งก็คือตารางนี้
โครงสร้าง tense ตัวอย่าง
โดยในแถวแนวนอนจะแทนช่วงเวลาต่าง ๆ
Past คือ อดีต
Present คือ ปัจุบัน
และ Future คือ อนาคต
ส่วน ในแถวแนวตั้ง
Sim คือ Simple Tense
Con คือ Continuous Tense
Per คือ Perfect Tense
PerCon คือ Perfect Continuous Tense
และเมื่อจำตารางกันได้แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาจำโครงสร้างกันซะที แต่ว่าเราจะไม่ปล่อยให้เพื่อน ๆ จำกันจนปวดหัวแน่นอน เพราะเราจะให้เพื่อน ๆ จำในส่วนของ Present Tense เท่านั้น ซึ่งก็จะมี
Present Simple- S + V.1 Present Continuous – S + is/am/are + V.ing Present Perfect – S + has/have + V.3 Present Perfect Continuous – S + has/have + been + V.ing ซึ่งเพียงแค่เราจำ โครงสร้างในส่วนของ Present Tense ได้ เท่านี้การจะจำโครงสร้างของ Past Tense กับ Future Tense ก็จะเป็นของหมู ๆ แล้วล่ะ ไปดูกันเลย
สมมุติว่าเราจำ โครงสร้างของ Present Tense ได้แล้ว ให้เราเปลี่ยนกริยาตัวที่อยู่ใกล้ประธานมากที่สุด(ตัวสีแดงที่ขีดเส้นใต้) ให้กลายเป็น V.2
Present Simple- S + V.1 Present Continuous – S + is/am/are + V.ing Present Perfect – S + has/have + V.3 Present Perfect Continuous – S + has/have + been + V.ing เมื่อเราเปลี่ยนแล้วก็จะได้เป็น Past Tense ตามนี้ Past Simple – S + V.2 Past Continuous – S + was/were + V.ing Past Perfect – S + had + V.3 Past Perfect Continuous – S + had + been + V.ing
ด้วยสูตรนี้ทำให้เราสามารถจำแค่กริยาตัวที่ถูกผันก็พอส่วนโครงสร้างอื่น ๆ เหมือนเดิมเป๊ะ เมื่อจำ Past Tense กันได้แล้วเราก็ไปต่อที่ Future tense กันเลย
จากโครงสร้างของ Present Tense ให้เราเติม will เข้าไปหลังประธาน และเปลี่ยน V. ที่อยู่หลัง will ให้กลายเป็น base form V.
Present Simple- S + V.1 Present Continuous – S + is/am/are + V.ing Present Perfect – S + has/have + V.3 Present Perfect Continuous – S + has/have + been + V.ing
เพียงเท่านี้เราก็ได้โครงสร้าง Future Tense แล้วล่ะ
Future Simple– S + will + V.1 Future Continuous – S + will + be + V.ing Future Perfect – S + will + have + V.3 Future Perfect Continuous – S + will + have + been + V.ing
เป็นยังไงกันบ้างกับหลักการใช้ และวิธีจำ Tense ทั้ง 12 Tense ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่า เท่านี้เรื่องแกรมม่าก็จะไม่เป็นปัญหากับเพื่อน ๆ อีกต่อไปแล้วล่ะ
เช่น I will have been eating bread for hours when you arrive. ฉันจะกินขนมปังเป็นชั่วโมง ตอนคุณมาถึง
เมื่อเข้าใจถึงหลักการใช้กันแล้วปัญหาต่อมาคือเรื่องโครงสร้างของแต่ล่ะ Tense ที่แค่มองก็ตาลายแล้ว และวันนี้เราก็มีสูตรในการจำโครงสร้างของแต่ละ Tense มาให้เพื่อน ๆ กันด้วยล่ะ ไปดูกันเล้ย
1. สูตรการจำโครงสร้าง Tense ทั้ง 12
ก่อนอื่นเลยเรามาดูโครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 กันก่อนดีกว่าวิธีจำโครงสร้าง tense
ซึ่งในแต่ละ Tense ก็จะใช้แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา และ สถานการณ์ ซึ่งอย่างที่เพื่อน ๆ เห็นว่าแต่ละ Tense ก็มีโครงสร้างที่แตกต่างกันถ้าหากจะต้องจำทั้งหมด 12 Tense คงปวดหัวตาย เราจึงจำเป็นต้องมีสูตรในการจำ ซึ่งสำหรับขั้นแรกเพื่อน ๆ ต้องจำตารางในการเขียนโครงสร้าง Tense ให้ได้ซะก่อน ซึ่งก็คือตารางนี้
โครงสร้าง tense ตัวอย่าง
โดยในแถวแนวนอนจะแทนช่วงเวลาต่าง ๆ
Past คือ อดีต
Present คือ ปัจุบัน
และ Future คือ อนาคต
ส่วน ในแถวแนวตั้ง
Sim คือ Simple Tense
Con คือ Continuous Tense
Per คือ Perfect Tense
PerCon คือ Perfect Continuous Tense
และเมื่อจำตารางกันได้แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาจำโครงสร้างกันซะที แต่ว่าเราจะไม่ปล่อยให้เพื่อน ๆ จำกันจนปวดหัวแน่นอน เพราะเราจะให้เพื่อน ๆ จำในส่วนของ Present Tense เท่านั้น ซึ่งก็จะมี
Present Simple- S + V.1 Present Continuous – S + is/am/are + V.ing Present Perfect – S + has/have + V.3 Present Perfect Continuous – S + has/have + been + V.ing ซึ่งเพียงแค่เราจำ โครงสร้างในส่วนของ Present Tense ได้ เท่านี้การจะจำโครงสร้างของ Past Tense กับ Future Tense ก็จะเป็นของหมู ๆ แล้วล่ะ ไปดูกันเลย
2. สูตรการจำ Past tense
สำหรับสูตรในการจำโครงสร้าง Past tense นั้น ให้เราจำไว้ว่ามันคือการเปลี่ยนรูปจากปัจจุบัน (Present) มาเป็นอดีต(Past) ซึ่งก็คือเราจะต้องผันกริยาที่อยู่ใกล้กับประธานมากที่สุดให้กลายเป็น กริยาช่อง 2 นั่นเองสมมุติว่าเราจำ โครงสร้างของ Present Tense ได้แล้ว ให้เราเปลี่ยนกริยาตัวที่อยู่ใกล้ประธานมากที่สุด(ตัวสีแดงที่ขีดเส้นใต้) ให้กลายเป็น V.2
Present Simple- S + V.1 Present Continuous – S + is/am/are + V.ing Present Perfect – S + has/have + V.3 Present Perfect Continuous – S + has/have + been + V.ing เมื่อเราเปลี่ยนแล้วก็จะได้เป็น Past Tense ตามนี้ Past Simple – S + V.2 Past Continuous – S + was/were + V.ing Past Perfect – S + had + V.3 Past Perfect Continuous – S + had + been + V.ing
ด้วยสูตรนี้ทำให้เราสามารถจำแค่กริยาตัวที่ถูกผันก็พอส่วนโครงสร้างอื่น ๆ เหมือนเดิมเป๊ะ เมื่อจำ Past Tense กันได้แล้วเราก็ไปต่อที่ Future tense กันเลย
3. สูตรการจำ Future tense
สำหรับสูตรในการจำโครงสร้าง Future tense นั้น ก่อนอื่นให้เรากลับมาตั้งหลักที่ Present Tense ซะก่อน จากนั้นก็เหมือนกับการจำโครงสร้างของ Past tense แทบจะทุกอย่างเลยก็คือให้เราจำไว้ว่ามันคือการเปลี่ยนรูปจากปัจจุบัน (Present) มาเป็นอนาคต(Future) โดยการเปลี่ยนรูปก็แค่เติม Will ที่แปลว่า “จะ” (เพื่อเป็นการบอกว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในอนาคต) เข้าไปหลัง Subject หรือ ประธาน และเปลี่ยน V. ที่อยู่หลัง will ให้กลายเป็น base form V. (จำแค่เปลี่ยน is/am/are เป็น be และเปลี่ยน has/have ให้เหลือแค่ have อย่างเดียว)จากโครงสร้างของ Present Tense ให้เราเติม will เข้าไปหลังประธาน และเปลี่ยน V. ที่อยู่หลัง will ให้กลายเป็น base form V.
Present Simple- S + V.1 Present Continuous – S + is/am/are + V.ing Present Perfect – S + has/have + V.3 Present Perfect Continuous – S + has/have + been + V.ing
เพียงเท่านี้เราก็ได้โครงสร้าง Future Tense แล้วล่ะ
Future Simple– S + will + V.1 Future Continuous – S + will + be + V.ing Future Perfect – S + will + have + V.3 Future Perfect Continuous – S + will + have + been + V.ing
เป็นยังไงกันบ้างกับหลักการใช้ และวิธีจำ Tense ทั้ง 12 Tense ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่า เท่านี้เรื่องแกรมม่าก็จะไม่เป็นปัญหากับเพื่อน ๆ อีกต่อไปแล้วล่ะ